เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 16 กันยายน 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านบึง นางสาวพิมพ์ชนก สุดตา อายุ 31 ปี กับนางสาวสุภัตตรา อิ่มกมล อายุ 36 ปี ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านบึง เพื่อลงบันทึกประจำวันกับพันตำรวจโทศรัณย์ยพง อังคณาวิน สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านบึงโดยทั้งคู่แจ้งว่าถูกรางวัลที่หนึ่งงวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2564 คนละหนึ่งฉบับ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นางสาว พิมพ์ชนก และนางสาวสุพัตตรา(สาวหล่อ)โดยทั้งคู่ได้เปิดเผยว่า ตนทั้งคู่ได้คบหาเป็นแฟนกันโดยมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารในห้างสรรพสินค้าโลตัสสาขาบ้านบึง เมื่อเช้าได้แวะที่แผงจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลบริเวณแยกหนองชากโดย บอกกับเจ้าของแผงว่ามีเลข 935 หรือไม่ทางเจ้าของแผงบอกว่ามีเหลือ 2 ใบนางสาวพิมพ์ชนกจึงบอกว่างั้นเอาทั้งสองใบจากเดิมที่ตั้งใจว่าจะซื้อเพียงใบเดียว ภายหลังได้แบ่งให้กับคู่รักหนึ่งใบ จากนั้นจึงเดินทางมาเปิดร้านขายอาหารตามปกติระหว่างที่ทำงานก่อนที่จะออกสลากกินแบ่งรัฐบาลนางสาวพิมพ์ชนก เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกเหม่อลอยจนทำให้มีดบาทเข้าที่ นิ้ว เลือดไหลออกมาจำนวนมากจนเพื่อนๆที่อยู่ภายในศูนย์อาหารบอกว่าถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์เดี๋ยวจะได้รับโชคใหญ่จนกระทั่งถึงเวลาประกาศผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลปรากฏว่าตนเองได้ยินเพียงเลขสามตัวสุดท้ายส่วนสามตัวหน้าฟังไม่ชัด จึงได้ถามเพื่อนเพื่อนบอกว่าเลขรางวัลที่หนึ่งคือเลขอะไรเพื่อนเพื่อนบอกว่า 070935 จึงนำเอามาตรวจก็ต้องตื่นเต้นดีใจเพราะถูกรางวัลที่หนึ่งงวดประจำวันที่ 16 กันยายน
ส่วนนางสาวสุพัตราได้กล่าวว่า ตนเองได้ไหว้พระทุกวันพระและไหว้ศาลเจ้าที่เจ้าทางที่ทำงานก่อนหน้านี้ก่อนออกกลางวันก็ได้บนบานศาลกล่าวว่าขอให้ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง ไม่ได้หวังว่าจะถูกรางวัลใหญ่ส่วนใหญ่แล้วจะขอให้ทำมาค้าขายดีหลังจากนี้ ก็จะได้นำเอาของเส้นไหว้ไปแก้บนกับศาลเจ้าที่ส่วนเรื่องเงินรางวัลก็จะเก็บไว้เป็นทุนและซื้อบ้านพักอาศัยส่วนเรื่องงานก็ยังจะทำอยู่ต่อไป สำหรับตนกับแฟนสาวคบหาดูใจกันมานานสองปีแล้วก็รู้สึกดีใจที่มีโชคใหญ่ร่วมกันคงเป็นเพราะบุพเพสันนิวาส และดวงที่สมพงษ์กันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่คบหาดูใจก็มีแต่เรื่องดีดีเคยถูกรางวัลบ่อยครั้งแต่เป็นรางวัลเลขท้ายสองตัวสามตัวมาตลอดจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นผู้โชคดีร่วมกันจึงได้แบ่งสลากคนละหนึ่งฉบับ
ทางด้านตำรวจจึงได้ลงบันทึกผระจำวันไว้เป็นหลักฐานและได้แสดงความยินดีกับทั้งสองคนอีกด้วยที่ความฝันเป็นจริงและเป็นเศรษฐีรายใหม่
วิศาล แสงเจริญ ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ชลบุรี