“เบนจา อะปัญ”รับทราบข้อกล่าวหา ม.112 สน.ปทุมวัน

ที่สถานีตำรวจปทุมวัน เบนจา อะปัญ หนึ่งในสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก จากกรณีเข้าร่วมชุมนุมและปราศรัยในกิจกรรม “กระชากหน้ากากไบโอไซน์” ที่บริเวณหน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 64ในคดีนี้มีนายระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ เป็นผู้กล่าวหา และยังมีผู้ถูกออกหมายเรียกอีกหนึ่งราย คือ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งไม่สามารถเดินทางมาได้เนื่องจากถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีมาตรา 112

สำหรับคดีนี้มีมูลเหตุสืบเนื่องมาจากกิจกรรม “กระชากหน้ากากไบโอไซน์” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 64 ช่วงบ่าย ในวันดังกล่าว พริษฐ์และเบนจาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่บริเวณหน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ซึ่งเป็นที่ทำการของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ทั้งสองกล่าวปราศรัยเรื่องการผูกขาดวัคซีน หลังรัฐบาลสั่งวัคซีนจาก 2 บริษัท ได้แก่ วัคซีนซิโนแวค (Sinovac) และวัคซีนแอสตราเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในประเด็นที่รัฐบาลให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ (Siambioscience) เท่านั้น เป็นผู้ผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกา

พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ จงอิทธิ รองผู้กำกับสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้แจ้ง 4 ข้อกล่าวหาต่อเบนจา ได้แก่ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, ฝ่าฝืนข้อกำหนดพ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
พนักงานสอบสวนบรรยายพฤติการณ์คดีว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 64 ที่บริเวณหน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ นายพริษฐ์และเบญจา มาร่วมชุมนุมและกล่าวปราศรัยโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศให้ยุติการชุมนุมเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19

นอกจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ได้จัดมาตรการในการป้องกันโรคติดต่อ พร้อมกับมีการกล่าวข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายกษัตริย์
ผู้กล่าวหาได้ตัดถ้อยคำของทั้งสองคนเป็นส่วนๆ และอ้างว่าแต่ละส่วนเข้าข่ายความผิด พริษฐ์ถูกกล่าวหาว่าได้ปราศรัยถึงการผูกขาดวัคซีนกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ และงบประมาณของวัคซีนพระราชทานที่มาจากภาษีประชาชน
ด้านเบนจาถูกกล่าวหาว่าได้กล่าวปราศรัยเพิ่มเติมในประเด็นเดียวกัน เรื่องการถือหุ้นบริษัทสยามไบโอนไซเอนซ์ของกษัตริย์ การผูกขาดวัคซีน และกำไรที่ได้มาคนที่ได้รับกลับไม่ใช่ประชาชน ทั้งนี้ เบนจาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ยินยอมลงลายมือชื่อในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ลงข้อความว่า “ขี้เกียจมาแล้ว เหนื่อย” แทน
หลังเสร็จกระบวนการ เบนจาได้รับการปล่อยตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากผู้ต้องหาได้มาปรากฎตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ทำให้ไม่มีเหตุให้ควบคุมตัว พนักงานสอบสวนนัดผู้ต้องหามาพบอีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย. 64 เพื่อส่งสำนวนให้พนักงานอัยการต่อไป
คดีนี้เป็นอีกหนึ่งคดีที่ประชาชนทั่วไปเป็นผู้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหามาตรา 112 แม้ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง นับเป็นอีกปัญหาหนึ่งของมาตรานี้ ซึ่งเปิดช่องว่างให้ประชาชนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษข้อหานี้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เสียหาย เป็นการสร้างภาระทางคดีให้กับผู้ต้องหา และอาจนำมาใช้เป็นเครื่องมือให้กลุ่มฝ่ายการเมืองต่างๆ นำไปใช้กล่าวหากลั่นแกล้งกันไปมาได้ง่าย ปัจจุบัน (11 มี.ค. 64) จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 อย่างน้อย 67 รายใน 55 คดี เพียงในระยะเวลาแค่ 3 เดือน หลังการกลับมาบังคับใช้มาตรานี้อีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดคึกคัก นักวิ่งไทย-ต่างชาติ กว่า 3,500 คน ร่วมสร้างสีสัน “Samila Half Marathon 2025”
สส.นครพนม เขต 3 เดินหน้าส่งเสริมอาชีพเกษตรกร เปิดโครงการเลี้ยงปลา สร้างรายได้ยั่งยืน
ไต้ฝุ่นวิภาถล่มฮ่องกงทำต้นไม้หักโค่น-ระงับ 500 เที่ยวบิน
จยย.เวียดนามโวยหลังถูกสั่งห้ามเข้าฮานอย
โฆษกทบ. โต้กลับกัมพูชา บิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวหา "ทหารไทย" ฝังทุ่นระเบิด ยืนยัน PMN-2 ที่พบไม่ใช่ของไทย
"ปราชญ์ สามสี" ฉะเขมรเคลมมั่ว เปิดหลักฐาน ตัวอักษรบนปราสาท "ตาเมือนธม" คือมรดกอารยธรรมอินเดีย ฝังรากในแผ่นดินไทย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​